โดยรวม เหมือนหอพักมากกว่าโรงแรม
1. เราจองแบบเตียงใหญ่เตียงเดียวในระบบ แต่ไปถึงที่เคาน์เตอร์แจ้งว่าไม่มีห้องเตียงเดี่ยวแล้วเหลือแต่ห้องเตียงคู่ ซึ่งเราก็โอเคเพราะขี้เกียจไปหาที่อื่นแล้ว
เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ยังบอกเราว่า "ห้องนี้ใหม่กว่าห้องที่จองไว้อีกนะคะ"
2. ตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ขอบัตรประชาชนเราไป (ซึ่งอันนี้เข้าใจได้) แต่หลังจากนั้นคือเอาบัตรเราไปถ่ายเอกสารแล้วยื่นบัตรตัวจริงคืนเราโดยไม่ได้เอาที่ถ่ายเอกสารมาให้เรารับรองสำเนา เมื่อเราเห็นดังนั้นเราจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ว่าช่วยเอาที่ถ่ายเอกสารมาให้เรารับรองสำเนาด้วย
เราค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเอาบัตรเราไปถ่ายเอกสารแต่ไม่ให้เราเซ็นต์รับรองสำเนานะคะ เนื่องจากถ้าเราไม่เซ็นต์รับรองสำเนาก็จะสามารถนำเอกสารไปทำอะไรได้โดยที่เราไม่รู้เลย
3. วันที่เราเข้าพักมีเด็กๆมัธยมเข้ามาพักจำนวนมากเหมือนจะมีค่ายติวสักอย่างและน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ห้องไม่พอ ประเด็นคือ เด็กๆวุ่นวาย เดินไปมาว่อนไปหมด เข้าออกห้องเพื่อนเกือบตลอด ตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่ายังชวนกันมาดูว่าห้องไหนดีกว่ากัน
4. ห้องที่เราได้คือห้องท้ายสุดของชั้น เหมือนเป็นห้องเหลือๆที่เอาไว้ให้แม่บ้านพักเลยค่ะ (ดูรูปประกอบ)
- ห้องน้ำสะอาด (เหมือนหอพัก) แต่การจัดวางสิ่งต่างๆในห้องน้ำคือเกะกะ เช่น ที่วางแชมพู สบู่ที่ปรกติจะอยู่ระหว่างกระจกและอ่างล้างหน้ามันเกะกะมาก เราไม่สามารถก้มลงไปล้างหน้าได้โดยที่หัวไม่โขกกับที่วางของ (ไม่ได้ถ่ายรูปในห้องน้ำมา)
- ระเบียงหลังห้อง เหมือนหอพักมากๆ ประตูไม้เก่าๆ ที่ไม้ร่อนๆนิดหน่อยมีเชื่อกเก่าๆอยู่ 1 เส้นที่เอาไว้ให้ตากผ้าได้และมีสาย AUX (ที่เสียบต่อลำโพงน่ะค่ะ) ผูกไว้เพื่อเอาไว้คล้องกับลูกบิดประตูไม่ให้ลมพัดมาแล้วประตูปิด
- ทีวีเก่ามาก ซึ่งเราไม่ได้ใช้อะไรอยู่แล้ว
- ปลั๊กไฟที่เห็นมี 2 ที่คือหลังทีวีซึ่งมี 3 ช่องแต่เสียบทีวีกับตู้เย็นไปแล้วจึงเหลือแค่ช่องเดียว ส่วนปลั๊กอีกที่คืออยู่ที่หัวเตียงซึ่งเตียงบังค่ะ ถึงมีก็เสียบใช้งานไม่ได้อยู่ดีต่อให้เลื่อนเตียงก็ยังบังปลั๊กไปอยู่ สรุปว่าใช้งานได้แค่ช่องเดียวเท่านั้น
5. ลิฟท์ช้ามาก เดินขึ้นบันไดยังเร็วกว่า
自動翻訳